VPN (Virtual Private Network)

VPN (Virtual Private Network)

ก่อนที่จะเริ่มเรื่องของVPN (Virtual Private Network) เราจะเริ่มต้นจากเรื่องของการใช้งาน อินเตอร์เน็ต(internet) แบบธรรมดาก่อน ในโลก อินเตอร์เน็ต(internet) จะเริ่มจากการสื่อสารจากเราและปลายทางปลายทางก็คือ เว็บไซต์(web site) พวกเว็ปต่างๆ หรือไม่ก็คือผู้ที่เราสื่อสารด้วย การที่เราส่งข้อมูลให้ปลายทางหรือปลายทางส่งกลับข้อมูลมาหาเรา จะเรียกว่าการส่ง แพ็คเกจ(packet)

ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตของเราจะเปรียบเสมือนว่าเหมือนเราส่งจดหมายไปรษณีย์ซึ่ง VPN(Virtual Private Network) จะทำหน้าที่คล้ายกันแต่อาจจะทำให้การใช้งานเร็วกว่า  และในการใช้งานVPN(Virtual Private Network)  จะได้รับความปลอดภัยอีกด้วยโดยมีหลักการทำงานก็คือเราจะส่งข้อมูในให้ผู้รับบริการอินเตอร์และให้ผู้รับบริการอินเตอร์เน็ตส่งให้กับVPN(Virtual Private Network) ยกตัวอย่างเหมือนเขียนจดหมาย ก็คือAเขียนจดหมายถึงBและเอาใส่ซองจดหมายอีกฉบับแล้ว

ให้ผู้บริการส่งถึง VPN(Virtual Private Network) แล้วพอจดหมายถึง VPN(Virtual Private Network) ก็จะทำการถอดรหัสสจดหมายของเราและVPN(Virtual Private Network) ทำการส่งให้B ดังนั้นผู้ให้บริการจะไม่สามารถรู้ได้ว่าเราส่งอะไรถึงBผู้บริการเพราะVPN(Virtual Private Network) ทำหน้าที่เป็นตัวสื่อสารและผู้ให้บริการจะรู้เพียงแค่ exit note สุดท้ายก่อนออกจาก VPN(Virtual Private Network)

และทำให้เกิดประโยชน์อย่างหนึ่งของ VPN(Virtual Private Network) ก็คือสามารถทำการมุดได้เพราะว่าผู้ที่ให้บริการ VPN(Virtual Private Network) จะมี exit note อยู่ทั่วโลกดังนั้นถ้าเราส่งข้อมูลของเราอยู่ต่างประเทศก็จะได้ IP ของประเทศนั้นๆมา เช่นเราบอก ip ของเราอยู่ที่ เกาหลี VPN(Virtual Private Network)

ก็จะบอกผู้ให้บริการมาว่ามาจาก เกาหลี ดังนั้นจึงสามารถ แก้บล็อคเว็ปของประเทศต่างๆที่บล็อคเว็ปนั้นๆอยู่ได้แต่ในการทำเรื่องมุดแบบนี้จะส่งผลเสียทำให้ความเร็วนั้นลดลง เช่นเราอยู่ประเทศไทย เราใช้ ip บอกว่าเราอยู่อเมริกา แพ็คเกจ(packet) ของเราหรือข้อมูลของเราจะทำการส่งจากไทยไปอเมริกาแล้วค่อยส่งกลับมาที่ไทยและนั้นจะทำให้อินเตอร์เน็ต(internet) ของเราช้าลง

เพราะต้องส่งกลับไปกลับมาแต่ว่าตัว เซิฟเวอร์(sever) จะเห็นว่า แพ็คเกจ(packet) ของเราถูกส่งมาจากอเมริกาและจากที่เราเชื่อใจผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตจะเปลี่ยนมาเชื่อใจผู้ให้บริการVPN(Virtual Private Network) แทนและในเรื่องความปลอดภัยของตัว VPN(Virtual Private Network) เช่น จะสามารถปกปิด เลขบัญชี ธนาคาร บัตรเคดิต

และจะทำให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ตไม่สามารถเห็นได้ แต่ในสมัยนี้จะมีการลงทะเบียนเว็ปเป็นพื้นฐานในการสร้างเว็บไซร์(web site) เพื่อไม่ให้ปล่อยข้อมูลของผู้ใช้งานอยู่ เช่น ของ youtube facebook หรือ Google ที่ข้างบนเว็ปไซร์(web site) จะมีรูปเป็นที่ล็อคอยู่แสดงว่าเป็นเว็ปที่ลงทะเบียนเว็ปไซร์แล้วส่วนใหญ่80% จะทำการลงทะเบียนแล้วแต่นี้แล้วแต่ผู้ให้บริการ VPN(Virtual Private Network) แต่ล่ะเจ้า

 

 

สนับสนุนโดย  บาคาร่าออนไลน์สด

Posted by adminone in ความรู้ด้านไอที